
ต๊กโกวคิ้วป่าย (เดียวดายแสวงหาความพ่ายแพ้) ยอดฝีมือกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย พิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน เป็นมารกระบี่ไร้พ่าย ผู้บัญญัติวิชากระบี่เดียวดาย มีทั้งหมดเก้าเคล็ด สยบอาวุธทั้งปวงในแผ่นดิน
คู่ต่อสู้ใช้ 1 ท่าเก้ากระบี่เดียวดายก็มีเพียง 1 ท่า ถ้าคู่ต่อสู้ใช้ 100 ท่า เก้ากระบี่เดียวดายก็มี 100 ท่า ประกอบด้วย
เคล็ดวิชารวม (จงกวกเส็ก)
ท่าทำลายกระบี่ (พั่วเกียมเส็ก)
ท่าทำลายดาบ (พั่วตอเส็ก)
ท่าทำลายทวน (พั่วเชียเส็ก)
ท่าทำลายแส้ (พัวเปียงเส็ก)
ท่าทำลายโซ่ (พั่วเซาะเส็ก)
ท่าทำลายฝ่ามือ (พั่วเจี้ยเส็ก)
ท่าทำลายเกาทัณฑ์ (พั่วจี่เส็ก)
ท่าทำลายลมปราณ (พั่วคี่เส็ก)
กับกระบี่ 4 เล่ม
วัยหนุ่มฉกรรจ์ กระบี่มีความยาวประมาณสี่เชียะ สีเขียว ศาสตราวุธ คมกล้า
ก่อนอายุสามสิบ กระบี่อ่อนกุหลาบหนูม่วง เผลอพลั้งทำร้ายผู้กล้า เป็นสิ่งอัปมงคล
ก่อนอายุสี่สิบ กระบี่หนักไร้คม พิชิตทั่วแผ่นดิน
หลังสี่สิบ ไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่
ทุกกระบวนท่ามีจุดอ่อนเข้าสู่ขอบเขตไร้กระบี่เหนือกระบี่
อมตะวาจาแห่งจอมมารไร้พ่าย
“ท่องยุทธจักรสามสิบกว่าปี สังหารศัตรูอริราช โค่นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ทั่วทั้งโลกหล้าไร้คู่มือต่อต้าน ยามอับจนปัญญา ได้แต่เร้นกายพำนักในหุบเขาลึก มีอินทรีเป็นเพื่อน โออนิจจาในชีวิตคิดแสวงหาคู่มือสักคนยังไม่พบพาน นับว่าความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างสุดทนทาน”
ลงชื่อ เกี่ยมม้อ (กระบี่อสูร) ต๊กโกวคิ้วป่าย
มีลูกศิษย์โดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากเสียชีวิต 3 คน
คนแรก คือ ฮวงเช็งเอี๊ยง หรือ ฟงชิงหยาง ยอดกระบี่สำนักหัวซาน ได้พบบันทึกการคิดค้นแนวทางวิชาของต๊กโกวคิ้วป่าย แล้วนำมาศึกษา เรียกได้ว่าเป็นเทพกระบี่แห่งยุคในท่วงท่าวิชากระบี่ ถือได้ว่า ฟงชินหยาง คือ ผู้สืบทอด “เคล็ดวิชาสายกระบี่”เบื่อหน่ายต่อยุทธจักร และ เร้นกายที่ผาสำนึกผิด
คนสอง คือ เอี๊ยก้วยจากการฝึกกับนกอินทรียักษ์ บังคับให้เอี้ยก้วยทำตาม ถือได้ว่า เอี้ยก้วย คือ ผู้สืบทอด “เคล็ดวิชาสายลมปราณ”
คนสาม คือ เล้งหูชง ได้รับการถ่ายทอดจากฟงชิงหยาง